เสียงธรรมจากห้อง “เมตตาภิรมย์กรรมฐาน”
วันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม 2568
เรื่อง กรรมฐานน้อมถวายพระราชกุศลแด่พระพันปีหลวง
โดย อาจารย์ คณานันท์ ทวีโภค
กำหนดรู้ในลมหายใจ จินตภาพเห็นลมหายใจเป็นเหมือนกับแพรวไหม พลิ้วผ่านเข้าออกในกายของเรา สติติดตามดู ติดตามรู้ในลมหายใจ ลมหายใจสั้นก็รู้ว่าสั้น ลมหายใจยาวก็รู้ว่ายาว พร้อมทั้งกำหนดรู้ในจินตภาพเห็นลมตลอดทั้งสายตลอดทั้งกองลม ไม่ให้สติของเราคลาดจากลมหายใจ กำหนดรู้กับลมหายใจสบาย ยิ่งลมหายใจสงบต่อเนื่องราบรื่น อารมณ์จิตเรายิ่งเบาสบาย ลมปราณสัมพันธ์จิตใจ ลมหายใจสัมพันธ์กับอารมณ์จิต ยิ่งลมหายใจละเอียดจิตเรายิ่งผ่องใสกำหนดรู้อยู่กับลมหายใจสบาย สลายล้างนิวรณ์และความวิตกกังวลทั้งหลายออกไป มีเพียงลมหายใจสงบ เบา ละเอียด ทรงสภาวะ ทรงอารมณ์อยู่กับสภาวะที่ลมหายใจของเราละเอียดเบาสบาย
จากนั้นเมื่อสมาธิของเรามีความทรงตัว จิตอยู่กับความสงบ มีธรรมฉันทะอยู่กับความร่มเย็นของใจ เราก็เดินจิตขึ้นสู่ฌานสมาธิที่สูงขึ้น กำหนดรู้ในความสงบนิ่ง หยุดจิต กำหนดรู้ในเอกัคคตารมณ์ กำหนดรู้ในอุเบกขารมณ์ สงบนิ่ง สงบระงับจากนิวรณ์ สงบระงับจากสรรพกิเลสทั้งปวง
จากนั้นเดินจิตขึ้นสู่สมถะสมาธิสูงยิ่งขึ้นไป จากจุดที่จิตนั้นหยุดนิ่ง เป็นหนึ่งเดียวเป็นเอกัคคตารมณ์ กำหนดให้ความหนึ่งเดียวนั้น ปรากฏกำหนดเป็นนิมิต จากจุดกลายเป็นดวงแก้ว จากดวงแก้วกำหนดในความใส กำหนดในความใสให้มีความสว่าง ในความสว่าง ในความผ่องใส กำหนดน้อมนึกให้มีความเชื่อมโยงกับจิตของเรา จิตคือกสิณ กสิณคือจิต ดวงจิตเราขยายขนาดใหญ่ขึ้น สว่างขึ้น ใสขึ้น อารมณ์จิตเชื่อมโยงสัมพันธ์กับภาพนิมิตของกสิณจิต ยิ่งสว่าง ยิ่งผ่องใส อารมณ์จิตเรายิ่งมีความสุข ยิ่งผ่องใส จิตยิ่งเป็นสุข กำหนดรู้ ทรงสภาวะที่จิตเข้าถึงอุคหนิมิต คือใส สว่าง ขนาดใหญ่ขึ้น ใสขึ้น จิตเป็นสุขยิ่งขึ้น
เดินจิตต่อไป กำหนดให้จิตเราจากแก้วใสกลายเป็นเพชรประกายพรึก มีความระยิบระยับ ยิ่งเปล่งประกายขึ้น มีเส้นแสงรัศมีจากจิตที่เป็นเพชรระยิบระยับนั้น พ้นเลยขอบเขตจากเส้นรัศมีของจิต ปรากฏสภาวะความเป็นทิพย์ บรรยากาศความเป็นทิพย์สว่างพรางพรายระยิบระยับ ทรงสภาวะที่จิตประภัสสรที่สุด สว่างที่สุดนี้ไว้ กำหนดน้อม กำหนดรู้ในจิต กำลังของจิตตานุภาพ รัศมีของจิตเกิดขึ้นด้วยกำลังแห่งบุญกุศล ยิ่งจิตของผู้มีบุญ มีบารมีสูงเท่าไหร่ จิตยิ่งมีความสว่าง ยิ่งมีความผ่องใสมากขึ้นเท่านั้น ทั้งเหตุอันเกิดขึ้นจากทานบารมีที่เราทำ จากเหตุที่เราปฏิบัติมีจิตวิรัส งดเว้นรักษาศีล จากจิตที่ฝึกตบเดชะจากสมถะสมาธิ ยิ่งจิตมีฌานสมาบัติกำลังของฌานสูงเท่าไหร่ รัศมีของจิตก็ยิ่งสว่างเพียงนั้น แสงสว่างรัศมีของจิตปรากฏขึ้นจากการรักษาทรงไว้ในพรหมวิหาร 4 โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมตตาฌาน ยิ่งจิตเรามีกระแสแห่งเมตตาอันไม่มีประมาณแผ่ออกไปใน 3 ภพ 3 ภูมิ โดยไม่มีเครื่องขัดขวาง คือ อคติทั้งหลาย รัศมีแสงสว่างของจิตยิ่งเพิ่มพูนขึ้นเพียงนั้น และประการสุดท้ายความสว่างความผ่องใสของจิตก่อเกิดรวมตัวสะสม เพราะบ่มเป็นบารมีขึ้นจากความบริสุทธิ์ จากจิตที่ฝึกฝนในวิปัสสนาญาณ ให้จิตสะอาดบรรเทาเบาบางจากอาสวะกิเลสเครื่องเศร้าหมอง ที่มาห่อหุ้มจิต ยิ่งขจัดอาสวะกิเลส คือ ความโลภ โกรธ หลง ทั้งหลายออกไปได้มากเท่าไหร่ สิ่งที่มาบดบังรัศมีของจิตก็เบาบางลง ลดลง คลายตัว สลายออกไป ดังนั้นรัศมีของจิตเราก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้น
กำหนดทรงสภาวะที่จิตประภัสสรที่สุด จากนั้นกำหนดในการกระจิตคือสว่างแล้ว ก็กำหนดเพิกภาพของจิตดวงเดิมที่สว่างอยู่ในระดับหนึ่ง การเพิกภาพออก ก็คือการเดินจิตเข้าสู่อรูปสมาบัติ เพิกนิมิตทิ้งเป็นไม่มีนิมิต จากนั้นก็กำหนดนิมิตใหม่ ที่มีความสว่างขึ้น ใสขึ้นกว่าเดิม ภาษาของการปฏิบัติเรียกว่า การกลั่นจิต อุปมาเหมือนน้ำที่มีส่วนผสม มีความขุ่น มีตะกอน แต่เมื่อไรน้ำที่เคยมีตะกอนนั้น กลั่นก็กลายเป็นน้ำที่ใสขึ้น จิตที่กลั่นก็มีความใส มีความสว่าง มีกำลังสูงขึ้น ประดุจเดียวกัน เพิกดวงจิตเดิมออก จากจิตที่มีความกังวล มีนิวรณ์ มีกิเลส สลายล้างจิตเดิมนั้นกลายเป็นจิตที่มีความใสขึ้น สว่างขึ้น มีความเปล่งประกายระยิบระยับขึ้น ผ่องใสจนจิตประภัสสรอย่างถึงที่สุด สว่างอย่างถึงที่สุด
กำหนดน้อมรำลึกนึกถึงว่า บุญกุศลทั้งหลาย ความดีทั้งหลาย ทาน ศีล ภาวนา สมาธิ บารมีทั้ง 30 ทัศ กลั่นมารวมตัวที่จิตของเรา กำหนดพิจารณาสลายละวางความโลภ โกรธ หลงลง สลายล้างความโกรธแค้น ความเกียดชัง ความอาฆาต ความพยาบาทจองเวรทั้งหลายลงไปจากจิต มีแต่กระแสอันเป็นกุศลของจิต มีแต่กระแสอันเป็นมงคลของจิต มีแต่กระแสอันเป็นบุญของจิต จากนั้นกำหนดให้จิตที่สว่างที่สุด ผ่องใสที่สุด แผ่คลื่นกระแสแห่งเมตตาออกไปอย่างไม่มีประมาณ บุญหล่อเลี้ยงจิตกุศลหล่อเลี้ยงจิต ทรงสภาวะที่จิตสว่างผ่องใสนี้ไว้ จิตเป็นเพชรประกายพรึกระยิบระยับแพรวพราว
เมื่อกำหนดจิตของเราให้มีบุญ มีกุศลมารวมตัวกัน กำลังบุญก็ก่อเกิดขึ้น อธิษฐานจิตรำลึกนึกถึงคุณแห่งพระรัตนตรัยว่าเรามีกระแสแห่งสัมมาทิฏฐิ มีกระแสแห่งพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพ คุ้มครองรักษา กำหนดน้อมนึกรำลึกนึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าขึ้นเป็นธงชัย เป็นพุทธนิมิต ตั้งจิตอธิษฐานขอพุทธนิมิตที่เรากำหนดภาพขึ้นนี้ จงมีความสว่างผ่องใสระยิบระยับเป็นเพชรสว่างอย่างยิ่ง เปี่ยมด้วยกำลังแห่งพุทธานุภาพ ประดุจพระพุทธองค์ทรงเสด็จมาปรากฏเบื้องหน้าต่อจิตของเราขณะนี้ จิตมีความนอบน้อมเชื่อมโยงต่อพระพุทธองค์ ต่อพระรัตนตรัย เมื่อเรากำหนดให้องค์พระท่านปรากฏชัดสว่างเต็มกำลังแล้ว เราก็ตั้งจิตอธิษฐาน ขอกำลังพุทธานุภาพยกจิตของข้าพเจ้าขึ้นไปปรากฏอยู่บนพระนิพพาน ท่ามกลางมหาสมาคม มีสมเด็จองค์ปฐมทรงเป็นประธาน พร้อมด้วยพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระอรหันต์ทุกๆ พระองค์ บนพระนิพพาน อธิษฐานขอกายทิพย์เราจงปรากฏในสภาวะความเป็นกายพระวิสุทธิเทพ มีความสว่าง มีเครื่องทรงเครื่องประดับอันเป็นทิพย์ สว่างชัดเจนอยู่
จากนั้นตั้งจิตบรรจงกราบลงเบื้องหน้า กราบพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ ด้วยความนอบน้อม ด้วยความเคารพ จากนั้นอธิษฐานจิต ขอบารมีพระพุทธเจ้าทรงเป็นสรณะ เป็นที่พึ่งของข้าพเจ้า ขอเมตตาน้อมนำอาทิสมานกาย กายพระวิสุทธิเทพของข้าพเจ้าทุกคนนี้ ไปปรากฏเบื้องหน้า ณ พระจุฬามณีเจดีย์สถาน เบื้องหน้าบัลลังก์ของท่านปู่ท่านย่า คือ พระอินทร์ พระชายาของท่าน จากนั้นตั้งจิตกราบลง กราบสักการะท่านปู่ท่านย่าด้วยความเคารพ ด้วยความนอบน้อมจากนั้นอธิษฐานจิตขอท่านปู่ท่านย่าอันเป็นองค์อมรินทรธิราชเจ้า ผู้เป็นใหญ่ในสวรรค์ชั้นทั้งปวง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสวรรค์ชั้นดาวดึง ขอได้มีเทวานุญาตให้ข้าพเจ้าทั้งหลาย ได้ไปกราบสักการะพระพันปีหลวงที่สวรรค์ชั้นดุสิตด้วยเทอญขอท่านปู่ท่านย่าเมตตาพาข้าพเจ้าทั้งหลาย หมู่คณะทั้งหลาย กราบพระพันปีหลวง พร้อมด้วยองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ที่สวรรค์ชั้นดุสิต
กำหนดจิตนะ ขอจงปรากฏกายพระวิสุทธิเทพ พร้อมด้วยหมู่คณะเราทั้งหลายที่สวรรค์ชั้นดุสิต เมื่อไปถึงแล้วก็กำหนดจิตนะ เมื่อเห็นท่านปรากฏอยู่เบื้องหน้าเราก็ตั้งจิตกราบ องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่รัชกาลที่ 9 ท่านทรงอยู่ที่สวรรค์ชั้นดุสิต ในฐานะของพระโพธิสัตว์ เป็นพระมหาโพธิสัตว์ พระพันปีหลวง ในฐานะที่ท่านทรงเป็นทั้งนางแก้วและเป็นพระโสดาบัน จึงมีวิมานมาสถิตอยู่ที่สวรรค์ชั้นดุสิตด้วยเช่นกัน เมื่อเราอยู่เบื้องหน้าพระองค์ท่านทั้งสองแล้ว เราก็ตั้งจิตขอสภาวะของข้าพเจ้าทั้งหลาย ในหมู่คณะที่ได้เจริญพระกรรมฐานขึ้นมากราบ บังคมทูลพระองค์ท่านทั้งสองด้วยกายทิพย์ด้วยความเป็นทิพย์ ด้วยกำลังแห่งพระกรรมฐาน อันมีบารมีแห่งพระพุทธองค์อันไม่มีประมาณ ข้าพเจ้าทั้งหลายอธิษฐานจิต รวมบุญกุศลนับตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน อนาคต บุญแห่งการเจริญทาน การรักษาศีล การเจริญภาวนาทั้งสมถะและวิปัสสนาญาณ ขอรวมเป็นกองบุญใหญ่ น้อมถวายอุทิศโดยตรงเป็นพระราชกุศลแด่พระพันปีหลวง
จากนั้นอธิษฐาน ขอจงปรากฏเป็นดวงบัวแก้วที่มีความสว่าง เกิดขึ้นด้วยแรงอธิษฐานแห่งบุญ จากนั้นตั้งจิตถวายโดยตรงแด่พระองค์ท่านคือพระพันปีหลวง ถวายตรงแด่พระองค์ท่านคือในหลวงรัชกาลที่ 9 จากนั้นอธิษฐานนะว่าข้าพเจ้าทั้งหลายได้อยู่ภายใต้พระบรมโพธิสมภาร อยู่ใต้เบื้องพระบารมีของพระองค์ท่าน ข้าพเจ้ามีความกตัญญูกัตเวทิตา รำลึกนึกถึงพระคุณแห่งสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ข้าพเจ้าแต่ละบุคคลเคยได้มีวาสนาบารมีที่พระองค์ท่านได้โปรดเกล้าโปรดกระหม่อม สงเคราะห์เกื้อกูลข้าพเจ้า ข้าพเจ้าทั้งหลายขอน้อมถวายการปฏิบัติบูชานี้เป็นพระราชกุศลโดยตรงแด่พระองค์ท่านด้วยเทอญ
ขอพระองค์ท่านได้รับรู้ รับทราบในจิตเจตนาเป็นกุศล จิตอันมีความซื่อสัตย์สุจริตต่อชาติ ศาสนา สถาบันพระมหากษัตริย์ของข้าพเจ้าทั้งหลาย จากนั้นน้อมกราบด้วยความเคารพ ด้วยความนอบน้อม ตั้งจิตอธิษฐานเจริญพระกรรมฐานเบื้องหน้าพระองค์ท่าน กำหนดจิตนะ พิจารณาตัดวางร่างกายขันธ์ 5 พิจารณาว่าขันธ์ 5 ร่างกายมีความไม่เที่ยง สรรพสัตว์ทั้งหลายเกิดมาเท่าไหร่ ล้วนแล้วแต่ต้องถึงความตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น ขึ้นชื่อว่าความตายนั้นเป็นของเที่ยง ไม่ว่าเราจะอยู่ในฐานะใด ยากดีมีจนเช่นไร มียศฐาบรรดาสัตว์เช่นไร จะเป็นหนุ่ม จะเป็นเด็ก จะเป็นผู้สูงวัย ในที่สุดก็ล้วนแล้วแต่เข้าถึงความตายทั้งสิ้น แต่สิ่งสำคัญที่สุดว่าในขณะที่เรามีชีวิตอยู่นั้น ยามที่เรามีชีวิตเราได้สร้างบุญกุศลใดฝากไว้กับโลก ฝากไว้ในวัฏฏสงสาร บุญ ทาน เราได้เคยทำไหม ศีลเราเคยรักษาได้ไหม การเจริญสมถะภาวนา เราเคยได้เจริญไหม
เมื่อพิจารณาแล้ว เราก็คิดดูให้ลึกๆ ว่าอย่างน้อยเราก็ไม่เสียชาติเกิด ในทางโลกเราได้ทำคุณประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองไม่มากก็น้อย ในทางธรรมเราก็ได้ปฏิบัติธรรมควรแก่การ และสิ่งสำคัญอย่างยิ่งก็คือปฏิบัติธรรมโดยมุ่งหวังในมรรคผลพระนิพพานเป็นที่สุด คือตายเมื่อไหร่เราก็ขอไปพระนิพพานชาตินี้ จิตพิจารณาตัดภพจบชาติ ไม่ปรารถนาการเกิด ไม่ยินดีในการเกิดอีกต่อไป จิตพิจารณาตัดสังโยชน์ทั้ง 10 เครื่องร้อยรัดจิตให้พัวพันมัวเมา ยึดมั่นถือมั่นอยู่กับสังขารร่างกาย กายเนื้อ ยึดมั่นถือมั่นอยู่ในภพภูมิ ยึดมั่นถือมั่นอยู่กับความอาฆาตพยาบาทจองเวรทั้งปวง กำหนดจิตปล่อยวาง เมตตา อภัย อโหสิกรรม คลายความยึดมั่นถือมั่นในสังขาร คลายความยึดมั่นถือมั่นในสัญญา คลายความยึดมั่นถือมั่นในความปรารถนาในการเกิดในภพทั้งปวง จิตทรงสภาวะความตั้งมั่นอยู่กับพระนิพพานเป็นที่สุด
กำหนดอธิษฐาน ขอให้จิตเหล่านี้มีความบริสุทธิ์ผ่องใส กายทิพย์ กายพระวิสุทธิเทพขอจงมีความสว่าง มีความผ่องใสจากนั้นอธิษฐานจิต น้อมถวายความบริสุทธิ์แห่งจิตในการเจริญพระกรรมฐาน การเจริญวิปัสสนาญาณ เป็นการปฏิบัติบูชา น้อมถวายเป็นพระราชกุศลโดยตรง ขอพระองค์ทรงโมทนาสาธุกับการปฏิบัติบูชา ที่ข้าพเจ้าทั้งหลายขอน้อมถวายเป็นดวงบุญด้วยเทอญ กำหนดให้เห็นว่าบริเวณทับทรวงของเครื่องทรงกายพระวิสุทธิเทพ ปรากฏดวงแก้วสว่างเป็นกำลังบุญแห่งการเจริญพระกรรมฐาน เราอธิษฐานจิตให้ดวงแก้วสว่างแห่งพระกรรมฐานค่อยๆ ลอยเคลื่อนคล้อยไปอยู่เบื้องหน้าพระองค์ท่าน และปรากฏวางลงบนฝ่ามือของพระองค์ท่าน อธิษฐานน้อมถวายเป็นพระราชกุศล
จากนั้นกำหนดจิตอธิษฐานต่อไป ขออนุญาตให้กายทิพย์ข้าพเจ้า ได้ร่วมงานในภาคของกายเนื้อ อธิษฐานจิตขอเทวานุญาตผ่านเทวดาพรหมที่ปกขอปักรักษาพระบรมหาราชวังทุกพระองค์ ขออนุญาตให้กายทิพย์ข้าพเจ้าได้ปรากฏถวายบงคมกราบพระบรมศพของพระพันปีด้วยเทอญ กำหนดจิตนะ เพราะเราใช้กายทิพย์กำหนดรู้ว่าในบริเวณที่เป็นพิธีการ เทวดาพรหมทั้งหลายได้มาปรากฏ ทรงเสด็จคุ้มครองรักษาในอานาบริเวณนั้น โปรยปรายดอกไม้ทิพย์แห่งสรวงสวรรค์ในแต่ละภพลงมาในอาณาบริเวณนั้นมีมากมายเพียงใด เรากำหนดดู กำหนดรู้ในภาคทิพย์ ด้วยความเป็นทิพย์ของจิต
จากนั้นใช้กายทิพย์ของเรานี้ ถวายบังคมกราบพระศพด้วยความนอบน้อม ด้วยความเคารพ พิจารณาว่าพระพันปีหลวงทรงเป็นแบบอย่างของบุคคลอันประเสริฐ ทั้งในความดี ทั้งในคุณธรรม อธิษฐานจิตขอความเป็นทิพย์ จงกำหนดรู้ในพระราชกรณียกิจที่ท่านได้บำเพ็ญ ยังประโยชน์ต่อประเทศชาติ ยังประโยชน์ต่อมวลผสกนิกรปวงชนชาวไทยทั้งปวงกำหนดรู้ในความเป็นทิพย์ว่า บุญกุศลบารมีทั้งสิ่งที่ท่านได้สร้างคุณประโยชน์ ความดี บุญกุศลทั้งต่อประเทศชาติส่วนรวม ทั้งต่อพระพุทธศาสนา ทั้งต่อการรักษาทำนุบำรุง ค้ำจุน ถวายกำลังพระราชหฤทัยให้กับในหลวง เพื่อค้ำจุนสถาบันตามกษัตริย์ เป็นกำลังบุญมากน้อยเพียงใด ขอภาพญาณเครื่องรู้อันเป็นทิพย์ จงปรากฏขึ้นในจิตอาทิสมานกายของข้าพเจ้าทั้งหลายด้วยเทอญ
กำหนดรู้ด้วยความเป็นทิพย์นะ บุญบารมีท่านมากเพียงใด กุศลท่านมากเพียงใด ความบริสุทธิ์ของจิตที่ท่านทำด้วยใจบริสุทธิ์อย่างแท้จริงมีมากเพียงใด ให้เรารู้ ให้เราเห็น ในกำลังพระราชหฤทัยของพระองค์ท่านอย่างลึกซึ้งที่สุด เข้าถึงที่สุดด้วยกัน กายทิพย์ของเราปรากฏ พร้อมกับพิจารณากำหนดรู้นะ เราตระหนักว่ายากเพียงใดที่จะหาบุคคลผู้ทรงพระคุณ ทรงคุณธรรมอันประเสริฐได้เช่นนี้ เราทั้งหลายมีบุญที่อยู่ใต้เบื้องพระบรมโพธิสมภาร กำหนดรู้ กำหนดจิต กำหนดกราบเรียนถามพระองค์ท่านโดยตรงนะ ว่าเราแต่ละบุคคลพอจะมีกำลังใจ มีกำลังบุญ มีกำลังบารมีมากน้อยเพียงใดที่จะได้สนองพระราชกรณียกิจที่ท่านทรงมีพระราชบัณฑิตไว้ สิ่งใดที่เราพอช่วย เหลือชาติบ้านเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์ได้ ขอพระองค์ท่าน ขอพระพันปีหลวงได้เมตตาบอกกับข้าพเจ้าเป็นปัจจัตตัง เป็นกำลังใจ เป็นกำลังบารมีแต่ละบุคคลด้วยเทอญ
ความเคารพรัก ความจงรักภักดี ไม่ใช่เพียงแต่แค่เรารู้สึกคิดถึงรักซาบซึ้ง แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ พระราชปณิธานที่ท่านทรงฝากไว้ งานโครงการทั้งหลาย โครงการในพระราชดำริทั้งหลาย สิ่งใดที่เราจะช่วยได้มากบ้าง น้อยบ้าง พอรวมตัวกันเป็นสามัคคีธรรมของปวงชนชาวไทย ในที่สุดสิ่งที่ท่านทรงสร้างไว้ เริ่มไว้ เราก็สามารถช่วยกันสานต่อให้ประสบความสำเร็จ คือความเจริญของบ้านเมืองได้ในที่สุด กำหนดอธิษฐานนะ ให้จิตของเรามีกำลังใจ สิ่งใดที่จะเป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์ได้ เราเต็มใจทำ อธิษฐานจิตกำหนดรู้ด้วยจิตของเรานะ เมื่อเราได้กำหนดรู้กำหนดในภาพ ในสถานที่ ที่เป็นโลก คือภายในพระบรมหาราชวังแล้ว กายทิพย์เราก็กลับขึ้นไปนะที่สวรรค์ชั้นดุสิต อีกครั้งหนึ่ง จากนั้นตั้งจิตกราบลงแทบเบื้องพระบาทของทั้งสองพระองค์ แล้วเราก็น้อมใช้ความรู้สึกอันเป็นทิพย์ สัมผัสดูว่าพระองค์ท่านทรงมีเมตตา ลูบศีรษะของเรามั้ย ท่านทรงตรัสขอบคุณในสิ่งที่เราได้สร้างจิต ตั้งใจทำถวายพระองค์ท่านไหม เมื่อเรากำหนดรู้แล้ว เรากราบท่าน อธิษฐานจิตขออาราธนาบารมีพระพุทธเจ้าทรงสงเคราะห์ ขอยกอาทิสมานกายของข้าพเจ้ากลับขึ้นไปบนพระนิพพานด้วยเทอญพระพุทธเจ้าข้า
จากนั้นกำหนดจิตขึ้นมาบนพระนิพพานอีกครั้งหนึ่ง กำหนดจิตพิจารณาเจริญวิปัสสนาญาณต่อบนพระนิพพานพิจารณาในความไม่เที่ยงของร่างกายสังขาร ความไม่เที่ยงของชีวิต พิจารณาในมรณานุสติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน ช่วงเวลาขณะนี้ มีข่าวหลายบุคคล หลายท่านก็ถึงการและก็เสียชีวิตลง ทยอยเสียชีวิตลงในช่วงนี้เป็นจำนวนมาก หรือครูบาอาจารย์ที่ท่านเป็นพระสุปฏิปันโนในสายหลวงพ่อก็เพิ่งมรณภาพไปท่านหนึ่งในวันนี้ เราก็กำหนดจิต กำหนดรู้พิจารณาเห็นความไม่เที่ยงในขันธ์ 5 ในความตาย อธิษฐานจิตกำหนดรู้ต่อไป การที่ท่านผู้มีบุญได้ละร่างกายขันธ์ 5 นั้น ก็มีเหตุที่ท่านเสียสละเพื่อประคับประคองเหตุการณ์ชาติบ้านเมืองให้ผ่านพ้นวิกฤตไปได้ เราก็น้อมจิตสำนึกรำลึกนึกถึงกุศลความดีของท่าน
แล้วก็พิจารณาในวิปัสสนญาณต่อไป ว่าโลกนี้มันมีความวุ่นวาย มีความไม่เที่ยง มีความแปรปรวน ปะปนไปด้วยคนดีและคนเลว คนกตัญญูและคนอกตัญญู คนคดโกงและคนที่สัตยซื่อ คนที่เป็นสีดำสีเทา แล้วก็คนที่เป็นสีขาวมีศีลมีธรรม ทุกสิ่งเรียกว่าทวิสภาวะ คือสภาวะที่เป็น 2 มิติ มีมืดมีสว่าง มีดำมีขาว มีเลวมีชั่ว คนชั่วก็ก่อเรื่องราวให้เกิดความขุ่นเคือง ให้ก่อให้เกิดความเดือดร้อน ก่อให้เกิดความเบียดเบียน คนดีก็สร้างกุศล สร้างบุญสงเคราะห์เกื้อกูลช่วยเหลือไป เรื่องราวต่างๆ เหล่านี้ ตราบที่อยู่บนโลกมันก็มี 2 ขั้ว จึงมีภพที่เป็นภพแห่งสุคติภูมิและก็มีภพแห่งทุกคติภูมิ โดยมีภพของโลกของมนุษย์เป็นภพกลาง พิจารณาให้เห็นความวุ่นวายในภพ เห็นความวุ่นวายในโลก เห็นความวุ่นวายในสังสารวัฏ แล้วก็เห็นสัจธรรมความจริงว่า ความตายนั้นอันที่จริงก็เป็นเพียงการเปลี่ยนภพ แต่จิตนั้นเป็นอมตะ เดินทางไปในสังสารวัฏด้วยกำลังของบุญของบาป
เรากำหนดพิจารณาให้เห็นในความแปรปรวนในสังสารวัฏ จนจิตเกิดความอุเบกขาในโลก เกิดนิพพิทาญาณในสังสารวัฏ จิตปรารถนาในพระนิพพานเพียงจุดเดียว กำหนดจิตพิจารณาถึงคุณของพระนิพพาน ว่าหากเรายังต้องเวียนว่ายตายเกิด เราก็ยังจะต้องไปเสวยบาป ไปพบเจอกับเรื่องที่กระทบใจ ต้องไปพลัดพรากจากของรักของเจริญใจทั้งหลายทั้งปวง ดังนั้นเรากำหนดจิตว่า พอกันทีกับการเกิด พอกันทีกับการเป็นมนุษย์ พอกันทีกับการเป็นเทวดาหรือพรหม เราปรารถนาคือความดับไม่เหลือเชื้อ ตัดภพจบชาติให้หมด
กำหนดน้อมพิจารณาขอกระแสธรรม ขอกระแสมรรคผล ขอกระแสพระนิพพานจงหลั่งไหลรวมลงสู่จิตของข้าพเจ้า ขอจิตข้าพเจ้าจงเกิดธรรมฉันทะในพระนิพพาน รักในพระนิพพาน พอใจในพระนิพพาน มั่นคงในพระนิพพาน ไม่คลาดไปจากพระนิพพานในชาตินี้
จากนั้นอธิษฐานจิตให้กายพระสุทธิเทพของเรา สว่างผ่องใส อธิษฐานจิตขอกายพระสุทธิเทพ จงปรากฏในวิมานของเราเองบนพระนิพพานนี้ กำหนดรู้ว่าขณะนี้เรานั่งอยู่บนแท่นในพระนิพพาน ทรงอารมณ์แห่งพระนิพพานไว้ พิจารณาว่ากิจทั้งหลายจบแล้ว ชาติชรามรณะไม่อาจเกิดผลกับเราได้อีกแล้ว ชาติภพการเป็นมนุษย์นี้เป็นชาติภพสุดท้ายของเราตายเมื่อไรจากร่างกายนี้ เรามีคติที่ไปเพียงจุดเดียวมั่นคงคือพระนิพพาน การที่วิมานบนพระนิพพานของเราปรากฏขึ้นย่อมเป็นนิมิตหมาย แสดงว่าบารมีของเราเต็ม หากเราตั้งใจ เราสามารถเข้าถึงซึ่งพระนิพพานได้แน่นอน ให้เราพิจารณากำหนดรู้ว่า หากกำลังบารมีของเรายังไม่เต็ม เอาแค่การที่เราปรากฏสภาวะเป็นกายพระวิสุทธิเทพก็ไม่สามารถทำได้ หรือแม้แต่การที่เรามากล่าวพระพุทธเจ้าบนพระนิพพานก็ไม่สามารถกำหนดได้ นึกได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิมานก็ย่อมไม่ปรากฏขึ้น เราสามารถปฏิบัติ สามารถทรงสภาวะ ทรงอารมณ์ เจริญจิตพระกรรมฐานได้ มีความทรงตัว มีความตั้งมั่น นั่นเป็นเพราะบารมีของเราเต็มแล้ว คนที่เค้ายังบารมีไม่เต็ม เอาแค่ชวนไปวัดเขาก็ไม่อยากไป ชวนให้ทำบุญก็ไม่อยากทำ ชวนให้รักษาศีลก็ไม่อยากรักษา ชวนให้มานั่งสมาธิเจริญภาวนาก็ไม่เอา เพราะบารมีเขาก็ยังไม่เต็มแต่บารมีของเราทั้งหลายเต็มแล้ว ครบถ้วนควรแก่การที่เราจะเข้าถึงนิพพานชาตินี้ได้แล้ว เราก็จงอย่าเสียประโยชน์ปฏิบัติธรรมจุดนี้ เจริญพระกรรมฐานขึ้นมาได้จนถึงขั้นนี้ สร้างบุญบารมี สร้างกุศลมาได้เช่นนี้ เราก็อย่าละทิ้งโอกาสที่จะเข้าถึงพระนิพพาน
เมื่อกำหนดพิจารณาแล้ว เราก็ลองคิดเป็นวิปัสสนา เป็นปัจจัตตังเฉพาะตนของเราเองว่า เราจะเข้าพระนิพพานไหม กำลังใจของเราเองมีความเด็ดเดี่ยวแค่ไหน มีความลังเลสงสัย มีวิจิกิจฉาไหม หรือจิตตั้งมั่นแรงกล้าอย่างยิ่ง มั่นคงอย่างยิ่ง กำหนดรู้ของเราเอง จากนั้นตั้งจิตและอธิษฐานขอบารมีพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ทรงสงเคราะห์ ขอทุกท่านทุกๆพระองค์ เมตตาเป็นพยานและเป็นกำลังจิต กำลังใจให้กับข้าพเจ้า ขอมรรคผลพระนิพพานของข้าพเจ้าจงเข้าถึงในปัจจุบันในชาตินี้ด้วยเทอญ
จากนั้นอธิษฐานจิต ขออาราธนาบารมีกระแสบุญจากพระนิพพาน รวมลงแผ่เมตตาลงอุทิศให้กับสังสารวัฏ แผ่เมตตาลงไปจากพระนิพพานลงไปยังอรูปพรหมทั้ง 4 แผ่เมตตาลงไปยังพรหมโลกทั้ง 16 ชั้น แผ่เมตตาลงไปยังอากาศเทวดาทั้ง 6 ชั้น แผ่เมตตาลงไปยังรุกขเทวดาภูมิเทวดาทั้งหลายทั่วจักวาล แผ่เมตตาลงไปยังภพกลางคือมนุษย์และสัตว์ที่มีขันธ์ 5 กายเนื้อทั้งโลกและทุกดวงดาวทั่วอนัตตจักรวาล แผ่เมตตาลงไปยังบรรดาสรรพสัตว์ที่เสวยวิบากอยู่ เป็นโอปปาติกสัมภเวสี อยู่ในมิติที่ทับซ้อน หลงติดในภพภูมิ แผ่เมตตาต่อไปยังภพของเปรตอสูรกายทั้งหลาย แผ่เมตตาลงไปยังภพของนรกภูมิทุกขุม ลึกจนถึงที่สุดคือโลกันตมหานรก อธิษฐานจิตแผ่เมตตาทั้ง 3 ภพภูมิ ขอสรรพสัตว์ทั้งหลายที่ประสบความทุกข์ขอพ้นจากความทุกข์ ขอสรรพสัตว์ทั้งหลายที่ประสบความสุขอยู่แล้วก็ดี ขอให้สุขยิ่งๆ ขึ้นไป สรรพสัตว์ทั้งหลายที่จิตยังมีอกุศลก็จงสลายจากบาปกุศลในจิตเข้าถึงกุศลจิต สรรพสัตว์ทั้งหลายที่เป็นมิจฉาทิฏฐิก็ขอจงพลิกฟื้นคืนสู่ความดำริชอบเป็นสัมมาทิฏฐิด้วยเทอญ
จากนั้นกำหนดอธิษฐาน ขออาราธนาบารมีพุทธานุภาพ รวมไปถึงกระแสแห่งพระนิพพาน คุ้มครองรักษาลงมายังประเทศไทย ลงมายังโลกมนุษย์ กระแสกุศล กระแสบุญ จงปรากฏยุคชาววิไลจงปรากฏ พุทธานุภาพ จงคุ้มครองประเทศชาติ แผ่นดินสยามประเทศ แผ่นดินธรรมแผ่นดินทองจงปรากฏ บุคคลผู้ทรงความดี กุศลคุณธรรมเป็นพระโพธิสัตว์ เป็นบุคคลผู้เสียสละ จงปรากฏขึ้นปกครองบ้านเมือง มามีอำนาจ ขอคนชั่วคนเลวจงแพ้ภัยตนเองเป็นไปด้วยกฎของกรรม เป็นไปด้วยแรงแห่งกุศลที่ปรากฏมหาสะท้อนบุคคลที่คิดร้ายต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ก็จงปรากฏเป็นไปด้วยกฎแห่งกรรม น้อมจิตอธิษฐานขอการรักษาจากพระนิพพานหลั่งไหลลงมาคุ้มครอง สถาบันพระพุทธศาสนากระแสบุญกุศลจงปรากฏหลั่งไหลรวมลงสู่ดวงจิตของพุทธบริษัท 4 ทั้งปวง กำลังพุทธานุภาพจงสถิตรักษา เกิดความศักดิ์สิทธิ์อัศจรรย์ ในวัดวาอาราม สถานปฏิบัติธรรมทุกแห่ง พระพุทธรูปทุกพระองค์ จงปรากฏเทพพรหมเทวาสัมมาทิฏฐิรักษา พระบรมสารีริกธาตุ พระธาตุ พระอัฐิธาตุ พระรัตนธาตุ พระบรมธาตุ พระธาตุเจดีย์ ขอจงปรากฏความศักดิ์สิทธิ์อัศจรรย์ มีเทวดาพรหมคุ้มครองรักษา วัตถุมงคลทั้งหลายขอจงมีพุทธานุภาพศักดิ์สิทธิ์อัศจรรย์ สลายล้างอวิชชาคุณไสย ที่สอดที่แทรกจงสลายตัว จงดับล้างไปด้วยเทอญ
อธิษฐานจิตต่อไป ขอกำลังบุญกุศลจงคุ้มครองรักษาอภิบาล องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระบรมราชินี พระบรมวงศานุวงศ์ทุกๆ พระองค์ ตลอดรวมจนถึงบุคคลผู้เสียสละทำความดีเพื่อชาติบ้านเมือง บุญกุศลจงน้อมส่งถึงพระสยามเทวาธิราช พระเสื้อเมือง พระทรงเมือง พระหลักเมือง พระกาฬไชยศรี เจ้าพ่อหอกรอง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ขอบุญกุศลน้อมถวายดวงพระวิญญาณแห่งพระมหากษัตริยาธิราชเจ้าทุกๆ พระองค์ ดวงวิญญาณบรรพบุรุษต้นตระกูลไทยทุกท่าน ดวงวิญญาณของทหารหาญทุกท่าน ทุกคน ทุกนาย ขอบุญจงรักษา บุญจงปรากฏ ขอจงปรากฏบุญฤทธิ์ อิทธิฤทธิ เทพฤทธิ์ให้ท่านทั้งหลายมีกำลังเพิ่มขึ้นในการคุ้มครองรักษาชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ได้อย่างเต็มกำลังด้วยเทอญ
จากนั้นน้อมจิตอธิษฐาน ขอบุญกุศลทั้งหลายจงส่งถึงเทวดาพรหม ที่ท่านเกื้อกูลอภิบาล พิทักษ์รักษาข้าพเจ้า แม่ซื้อทั้งหลาย เทพพรหมเทวา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ขอบุญ ขอกุศลจงส่งผลโดยตรง ให้ท่านมีกำลังบุญฤทธิ์ อิทธิฤทธิ์ เทพฤทธิ์ คุ้มครองรักษาข้าพเจ้า อภิบาลข้าพเจ้าได้อย่างเต็มกำลัง ในยามเดือดร้อนขอให้ท่านเมตตาช่วยเหลือข้าพเจ้าทันที แม้ข้าพเจ้าไม่รู้ตัว ลืมเลือนหรือขาดสติไป ก็ขอให้ท่านสงเคราะห์เกื้อกูล ดลจิตดลใจข้าพเจ้า คุ้มครองข้าพเจ้าเต็มกำลังด้วยเทอญ
จากนั้นอธิษฐานนะ กราบลาพระพุทธเจ้า กราบลาพระปัจเจกกับพุทธเจ้า กราบลาพระอรหันต์ทุกๆ พระองค์บนพระนิพพาน จากนั้นอธิษฐานจิต พุ่งจิตกลับลงมาที่กายเนื้อบนโลกมนุษย์ อาราธนากระแสจากพระนิพพานเป็นลำแสงสว่างชำระล้างร่างกายธาตุขันธ์และจิต ธาตุธรรมฟอกธาตุขันธ์ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง จงกลายเป็นแก้วใส ธาตุธรรมฟอกธาตุขันธ์ โครงกระดูกทั่วร่างจงกลายเป็นแก้วใส บุญหลั่งไหลลงมาชำระล้าง เซลล์ทุกเซลล์ กล้ามเนื้อทุกส่วน อาการทั้ง 32 อวัยวะภายในทั้งหมด จงกลายเป็นแก้วใส เซลล์มะเร็ง เซลล์เนื้องอก โรคภัยไข้เจ็บ พญาธิสภาพ เชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย ขอจงสลายตัวไป โรคภัยไข้เจ็บจงสลายไป ร่างกายขันธ์ 5 นี้ จงมีแต่กระแสบุญหล่อเลี้ยง พลังชีวิต ธาตุทิพย์หล่อเลี้ยงธาตุขันธ์ ขอร่างกายนี้จงสมบูรณ์แข็งแรง สว่าง มีบุญญราศี มีราศีปรากฏ กายเนื้อ กายทิพย์สอดประสานคล้องจอง เปล่งประกาย จิตเป็นกุศล ผ่องใส มีบุญหล่อเลี้ยง นับแต่นี้พ้นจากวิบากอกุศล ยกจิตขึ้นสู่ชีวิตใหม่ที่ดีขึ้น ผ่องใสขึ้น เจริญรุ่งเรืองขึ้นทั้งทางโลกทางธรรม กำลังบุญกุศลที่เราเจริญพระกรรมฐาน จงส่งผลในปัจจุบันในชาตินี้ ชีวิตนี้มีแต่ความดีงาม มีแต่เรื่องราวที่เป็นกุศลความดีปรากฏ มีแต่ความโชคดี นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
จากนั้นเราก็น้อมจิต โมทนาสาธุกับเพื่อนกรณมิตทุกคน ที่เจริญพระกรรมฐานในห้องเมตตาสมาธิด้วยกัน
หายใจเข้าช้าๆลึกๆ ถอนจิตจากสมาธิ
หายใจเข้าภาวนา-พุท ออก-โธ
ครั้งที่ 2 หายใจเข้าช้าลึกยาวภาวนา ธัมโม
ครั้งที่ 3 หายใจช้าลึกยาวภาวนา สังโฆ
ถอนจิตช้าๆ ออกจากสมาธิด้วยจิตอันเป็นสุข ใจสบายผ่องใส
สำหรับวันนี้ก็ขอโมทนาบุญกับทุกคน วันนี้ก็มีเรื่องแจ้งให้ทราบ 2-3 เรื่อง
เรื่องที่ 1 คือในช่วงสัปดาห์หน้าก็จะเป็นช่วงที่เข้าสู่เวลาที่เราจะต้องถวายมหาสังฆทานอีกครั้ง ซึ่งในครั้งนี้ก็จะเป็นมหาสังฆทานพิเศษที่ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระพันปีหลวงด้วยอันนี้เป็นเรื่องที่ 1
เรื่องที่2 ก็คือเรื่องของงานจัดเมตตาสมาธิก็จะเริ่มขึ้นในวันที่ 30 พฤศจิกายน การประกาศลงทะเบียนก็จะประกาศในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน ซึ่งการลงทะเบียนครั้งนี้ก็แจ้งให้ทราบอีกครั้งว่า จำเป็นที่จะต้องมีการมัดจำสำหรับผู้ที่ลงทะเบียนล่วงหน้า แต่กิจกรรมก็เป็นกิจกรรมที่ให้ฟรีเป็นธรรมทานเหมือนเดิม ท่านที่มัดจำแล้วเข้าไปร่วมงานก็จะได้รับเงินมัดจำคืนทั้ง 300 บาท แต่ท่านใดที่ลงทะเบียนแล้วไม่มาก็ขออนุญาตให้เงินมัดจำนั้น ได้ร่วมบุญร่วมกุศลในการจัดเมตตาสมาธิในครั้งต่อๆ ไป อันนี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้คนที่ลงทะเบียนแล้วไม่ยอมมา จะได้เป็นประโยชน์กับคนที่เขาอยากมาจริงๆ ไม่เสียที่ แล้วก็การจัดอาหารก็จะได้เป็นไปอย่างเรียบร้อยถูกต้อง
ต่อมาก็คือเรื่องของการจัดสร้างพระเจ้าองค์แสนดวงจิตพระนิพพาน ในขณะนี้ก็มีการถอดแบบ กำลังตกแต่งองค์พระและต่อไปก็จะเป็นช่วงที่อาราธนาอัญเชิญองค์พระไปประดิษฐานที่วัดพุทธโมกข์ จังหวัดสกลนคร โดยที่มีการตั้งฐานปิดทองและประดับเพชรที่หน้างาน คือที่วัด อันนี้ก็คือความคืบหน้าที่จะแจ้งให้ทราบและก็เรื่องงานสมโภชองค์พระเจ้าองค์แสนงจิตพระนิพพานจะมีการดำเนินการจัดงานในวันที่ 17 มกราคม 2569 ซึ่งจะเป็นช่วงเวลาที่เสร็จสิ้นจากงานปริวาสกรรมของวัด นั่นก็คือเมื่อพระท่านออกจากพระกรรมฐาน ออกจากปริวาส ออกจากการปฏิบัติธรรมก็จะมีการสมโภชองค์พระ ซึ่งบุญก็จะเพิ่มพูนมากกว่าปกติ ท่านใดที่สะดวก มีจิตศรัทธาก็สามารถไปร่วมงานโภชได้ที่วัดพุทธโมกข์ จังหวัดสกลนคร
ส่วนเรื่องต่อไปก็คือเป็นเรื่องคอร์สกิจกรรม ที่จะมีการจัดการปฏิบัติธรรม รวมถึงเป็นการปฏิบัติทั้งกายและจิต เป็นเวลา 3 วัน ที่จังหวัดชุมพร อันนี้ก็มีลูกศิษย์ที่เขาขอให้จัด ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่14-15-16 พฤศจิกายน ที่จังหวัดชุมพร
แล้วก็อีกคอร์สหนึ่งก็จะเป็นคอร์สพลังแห่งความโชคดี ในวันที่ 23 พฤศจิกายน ซึ่งกำลังจะประกาศท่านใดสนใจก็ขอเชิญร่วมลงทะเบียนได้
สำหรับวันนี้ก็ขอโมทนาบุญกับทุกคน ให้เราทุกคนมีความสุข มีความเจริญรุ่งเรืองทั้งทางโลกทางธรรม มีปัญญาชัดแจ้งในวิปัสสนาญาณ มีจิตตั้งมั่นในพระนิพพาน
พบกับกันใหม่สัปดาห์หน้า สำหรับวันนี้สวัสดี
ถอดเสียงและเรียบเรียงโดย : คุณสิริญาณี แลบัว





